Powered By Blogger

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

เกมบันไดงู


เกมบันไดงู ( Snakes and Ladders) เกมกระดานสำหรับเด็กเล่นชนิดหนึ่งที่มีการเล่นมาอย่างช้านานและเกือบทุกชนชาติ เกมถูกวาดลงบนแผ่นกระดาษ    ตีเป็นตารางสี่เหลี่ยมขนาดเล็กคล้ายกระดานหมากรุก   โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาด 10×10 ช่อง จึงได้ 100 ช่องพอดี ในการเล่นจะใช้ผู้เล่นตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยการผลัดกันทอดเต๋าและใช้ตัวเดินๆตามแต้มที่ได้ โดยเริ่มต้นแข่งขันตั้งแต่ช่องหมายเลข1 ใครไปถึง 100 หรือเส้นชัยก่อนจะเป็นผู้ชนะ แต่ก็ใช่ว่าเกมจะจบลงง่ายๆโดยไม่มีอุปสรรค เพราะจะมี "บันได" หรือ “งู” สลับพาดเชื่อมระหว่างช่องต่างๆทั่วทั้งกระดาน ถ้าใครเดินไปตกตรงช่องที่เป็นบันไดจะได้ไต่ขึ้นไปจนสุดของบันไดนั้นเหมือนเป็นทางลัด และเริ่มเดินต่อจากจุดนั้น แต่ถ้าตกช่องที่มีหัวงู  ก็จะต้องตกกลับลงไปยังหางงู แล้วเริ่มเดินใหม่จากจุดที่ตกลงไป และบางกระดานอาจจะมีช่องที่ผู้เล่นต้องทำตามข้อกำหนดเช่นหยุดเดิน 1 ครั้งหรือได้เดินเพิ่มอีก 1 ครั้ง 

--------------------------------------------------

หากชีวิตของสัตว์โลกเสมือนหนึ่งกำลังเล่นอยู่ในเกมบันไดงู แผ่นกระดานเกมคือภพต่างๆอันเป็นแดนเกิดของสัตว์โลก เกมที่เล่นแต่ละครั้งคือชาติกำเนิดเป็นสัตว์ต่างๆ สัตว์ทุกตัวต้องเล่นไปตามบทบาทและหน้าที่ของตน  เริ่มนับหนึ่งและออกเดินไปเรื่อยๆบนกระดานเกม ตกลงตามช่องต่างๆตามแต้มของเต๋าที่ทอดได้ เมื่อในเกมหนึ่งๆ มีการทอดเต๋ากันหลายครั้ง การทอดเต๋าคือการกระทำที่มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่วสลับกันไปหลายกรรมหลายวาระ  แต้มของเต๋าพาไปตกลงช่องธรรมดามีผลเป็นกลางๆ ไม่มีอะไรกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้าง   ตกลงตรงช่องที่มีข้อกำหนดดีหรือบันไดพาดก็ได้ไต่ปีนขึ้นไปยังช่องที่เหนือกว่าบ้าง เปรียบเสมือนชีวิตได้พบทางลัด   มีความโชคดี ได้ลาภ ยศ สรรเสริญและสุข แต่ถ้าไปตกลงตรงช่องที่มีข้อกำนดที่ไม่ดีหรือหัวงูก็ต้องตกลงไปยังหางงูกลับไปยังที่ๆเคยเดินผ่านมาแล้ว เปรียบเสมือนชีวิตได้พบกับหลุมพลาง ประสบแต่ความโชคร้าย มีความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และทุกข์ ชีวิตสัตว์โลกก็เป็นเช่นนี้ ตามกฎธรรมดาโลก(โลกธรรม๘)  มีได้มีเสื่อม มีขึ้นมีลงคละเคล้า แต่สุดท้ายแล้ว สัตว์ทุกตัวได้ไปถึงจุดหมายแล้วแต่ว่าใครจะไปถึงก่อนและหลัง เกมเป็นอันสิ้นสุด และก็คงจะดีหากเกมชีวิตของสัตว์ทุกตัวตนสิ้นสุดลงในกระดานเดียวไม่ต้องกลับมาเล่นอีกในเกมใหม่ บนกระดานใหม่…แต่มันไม่ได้เป็นเช่น 
...
กว่าจะจบในแต่ละเกม ไม่มีใครเลยที่จะจำได้ว่าทอดเต๋าไปแล้วกี่ครั้ง มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเกมบ้าง ชาติหนึ่งๆทำกรรมใดกันไว้บ้าง ใครเลยจะจดจำได้หมด เมื่อตายไปจากโลกนี้ ชีวิตคือจิตที่สืบต่อเนื่องยังมีความอยากคือตัณหาที่จะไปสู่เกมกระดานในภพใหม่ ถือชาติกำเนิดใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ยิ่งเวียนกำเนิดอีกหลายภพ กรรมที่ทำไว้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผลของกรรมก็ซับซ้อนยิ่งขึ้น กรรมและภพนี่เองที่เป็นตัวปิดกั้นไม่ให้สัตว์ในโลกผู้มีปัญญาอันน้อยนิดระลึกชาติที่เคยอาศัยอยู่ในกาลก่อนๆได้ ไม่อาจระลึกถึงกรรมที่เคยทำไว้มากมาย ไม่มีญานที่จะรู้ได้ว่ากรรมใดให้ผลก่อนหรือหลัง หรือกรรมใดให้ผล กรรมใดไม่ให้ผล รู้ไม่ได้ว่าเล่นเกมบันไดไต่ภพมาแล้วกี่ครั้ง ได้เข้าไปไกล้เส้นชัยบ้างหรือไม่ ใกล้มากที่สุดเมื่อไร แล้วที่ต้องตกไปห่างไกลจากเส้นชัยจนเกือบที่จะหมดโอกาสได้กลับมาสู่เกมกระดานอีกเท่าไรต่อเท่าไร    
เกมบันไดงู เลิกเล่นเมื่อไรก็ได้เมื่อผู้เล่นไม่ต้องการที่จะเล่นต่อ หากไม่พอใจผลของเกมพาลล้มทิ้งกลางกระดานก็ยังได้ และอาจกลับมาเริ่มเกมใหม่เมื่อไรก็ได้ที่ใจพร้อมที่จะเล่น แต่เกมชีวิตของสัตว์โลกเลิกเล่นไม่ได้ เมื่อไม่อยากเล่นเกมนั้น ล้มเลิกทิ้งกลางกระดานแล้วเริ่มต้นใหม่ทันทีหรือทีหลังก็ไม่ได้ เกมนี้ไม่เคยรอให้ใครพร้อม การเริ่มต้นใหม่ของสัตว์ที่ไม่รู้แจ้งจึงเป็นการเล่นต่อไป อีกหลายเกม(ชาติ)และหลายกระดาน(ภพ) วนเป็นวัฏฏะอยู่อย่างนั้น เกมที่เหมือนจะสิ้นสุดจึงไม่อาจสิ้นสุดลงได้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะออกจากกระดานเกมนี้ไม่ได้ แต่ต้องไม่ใช่ด้วยการโล๊ะทิ้งกลางกระดานหรือเล่นต่อจนจบเกม แต่ใจนั้นยังอยากยังแสวงหาเพื่อเริ่มเกมใหม่ หากสัตว์โลกจะรู้ รู้อย่างที่ใครบางคนรู้
...
หาก พระพุทธเจ้า คือผู้หนึ่งที่ได้เล่นเกมกระดานเหล่านี้ พระพุทธองค์ก็ได้สละชีวิตตนมาแล้วเพื่อช่วยเหลือปกป้องเหล่าสัตว์ให้รอดพ้นจากความทุกข์นานัปประการที่ได้พบบนเกมกระดานต่างๆมานับครั้งไม่ถ้วน และยังอุทิศชีวิตทั้งหมดเพื่อสืบค้นให้รู้จักสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเกมกระดานเหล่านั้น จนเมื่อถึงกระดานสุดท้าย พระพุทธองค์ได้พบว่า กระดานเกมเหล่านั้นเต็มไปด้วยภัย เต็มไปด้วยกองทุกข์  และอวิชชา(ความไม่รู้)นี่เองที่เป็นเครื่องกางกั้นปกปิดความจริง(สัจธรรม)ทั้งหมด ทำให้สัตว์โลกต้องเวียนวนมาสู่การเล่นเกม เกมแล้วเกมเล่า ยิ่งไม่รู้ยิ่งติดกับ ยิ่งติดกับยิ่งหลงระเริงเล่น ยิ่งหลงระเริงเล่นยิ่งมืดบอดมองไม่เห็นความจริงแท้ของเกมกระดาน พระพุทธองค์จึงทรงนำความจริงเหล่านั้นออกจากที่มืด มาเปิดเผยในที่สว่าง ให้สัตว์โลกได้เห็นอย่างที่พระพุทธองค์เห็น แม้ปัญญาของสัตว์โลกนั้นมีความแตกต่างกัน อาจจะมองเห็นได้ไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยๆซึ่งเกือบทั้งหมดนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ให้เห็นทางไปสู่กระดานภพทุกกระดานและบอกวิธีที่จะไม่ต้องไปสู่กระดานภพเหล่านั้น ที่สำคัญบอกวิธีปิดทางไปสู่บางกระดานภพ  เพราะบางกระดานเป็นภพอันต่ำ เป็นภพที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน หาความเจริญไม่ได้ และอาจโชคร้ายที่สุด หากหมดโอกาสที่จะได้ไต่บันไดกลับขึ้นมาในกระดานภพที่สูงอีก และอย่างประเสริฐที่สุด สิ่งที่พระพุทธองค์บอก คือวิธีการออกไปจากเกม ออกจากการเป็นผู้เล่น ไม่ต้องเวียนกลับเข้ามาสู่เกมกระดานไหนๆอีกอย่างแน่นอน(นิจจัง)
เกมกระดานนี้เราจึงต้องเล่นต่อ เล่นจนกว่าจะพบวิธีเลิกเล่นที่ไม่ต้องหวนกลับมาสู่กระดานเกมนี้อีก เล่นจนมีความรู้(วิชชา)ในความไม่รู้(อวิชชา) เล่นจนเห็นแจ้งในความจริงหรือสัจธรรมอันสูงสุดของเกมกระดาน แล้วอะไรคือความอันจริงสูงสุด

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราและพวกเธอเร่ร่อนท่องเที่ยวไป ตลอดกาลนานอย่างนี้เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดอริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ อะไรบ้าง ดูกรภิษุทั้งหลาย เราและพวกเธอ เร่ร่อนท่องเที่ยวไปตลอดกาลนานอย่างนี้เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดทุกขอริยสัจ ๑  ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑  ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑

อริยสัจ ๔ นี่เองคือความจริงอันสูงสุดของเกมกระดาน

กองทุกข์ใหญ่ที่ต้องพานพบในการเล่นเกมกระดาน มีผู้ค้นพบและบอกกล่าวให้เรารู้แล้ว เหตุเกิดของกองทุกข์ใหญ่เหล่านั้น มีผู้ค้นพบและบอกกล่าวให้เรารู้แล้ว ความดับสนิทของกองทุกข์ทำให้ไม่ต้องกลับเข้าสู่การเล่นเกมกระดานนี้อีกอย่างแน่นอน มีผู้ค้นพบและบอกกล่าวให้เรารู้แล้ว และหนทางเดียวที่จะออกจากเกมกระดานนี้ได้ มีผู้ค้นพบและและชี้ทางให้เรารู้แล้ว
...
ด้วยโชคยังดีหรือเพราะผลแห่งกรรมดี  เราจึงได้กลับมาเล่นใหม่ บนกระดานภพที่ดีที่สุดชื่อว่ามนุษย์โลก ในเกมที่ดีที่สุดที่ได้ชาติของมนุษย์ ในโอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้รู้จักเกมกระดานทั้งหมด จากคำบอกกล่าวของผู้ที่ผ่านการเล่นเกมเหล่านั้นมาแล้วทุกเกมทุกกระดาน ผ่านตัวหนังสือที่ได้รับการบันทึกไว้ ผ่านการบอกเล่าของผู้ที่ศึกษามาแล้วนำมาบอกต่อ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้พบบันทึกนั้น ได้พบผู้ที่จะบอกเล่าให้ฟังและเมื่อพบจะมีสักกี่คนที่สนใจศึกษาและศึกษาจนเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง
...
คราวที่ชีวิตเผชิญหน้ากับมรสุมทุกข์ที่โหมซัดอย่างหนักหน่วง อย่าไปโทษฟ้าดิน อย่าโทษว่าเบื้องบนนั้นไม่ช่วยเหลือ อย่าติเตียนว่าเมื่อนับถือศาสนาแล้วใยศาสดาไม่ช่วยเหลือ อย่าโทษดวง โทษโชคชะตาว่ามีผู้กำหนดให้และถูกกำหนดไว้อย่างไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีก เป็นเราเองที่หลงเข้าไปในเกมกระดาน ทอดเต๋าเล่นอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน เกมแล้วเกมเล่าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเลิก ติดใจในกำเนิดและแดนที่ได้กำเนิด พัวพันหลงใหลในกามคุณ๕ อันมี รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสที่น่าปรารถนา น่าใคร่ ชวนให้กำหนัด   มัวเมาในความเป็นผู้มีชัยในลาภ ยศ สรรเสริญและสุขเหนือสัตว์อื่นๆ  ยึดมั่นถือมั่นในตัวกู(อหังการ) ว่าของกู(มมังการ)ที่ถูกจองจำไว้ในขันธ์ ๕ คือรูป(ร่างกาย) เวทนา(ความรู้สึก) สัญญา(ความทรงจำ) สังขาร(เครืองปรุ่งแต่ง) และวิญญาณ(ความรู้อารมณ์) ที่เรียกว่า "มนุษย์"

เมื่อมีความอยาก(ตัณหา)ที่ยังไม่ดับสนิท ต้นเหตุธรรม ๓ อย่างคือ ราคะ(กำหนัดยินดี) โทสะ(ความโกรธ) และโมหะ(ความหลง-หลงไปจากอริยศัจ๔)จึงยังก่อให้เกิดกรรม กรรมจากการทอดเต๋า ความติดใจและความอยากจึงพาไปสู่การเล่นเกมกระดานอื่นๆต่อไป
...
กรรม ชั่ว มี วิบาก ชั่ว  ตกลงไปตามตัวงู

กรรม ดี มี วิบาก ดี  ได้ไต่ขึ้นไปตามบันได

อย่างไม่แปรเป็นอื่น

เกมชีวิตนี้เราเลือกเล่นเอง และเลือกที่จะไม่เล่นต่อก็ได้

แต่ก็ไม่ใช่จากผู้อื่น แต่ต้องด้วยตัวเอง

เกมบันไดงู ไต่ขึ้นลงไปตามภพอันสูงและต่ำ ไม่จบสิ้น

เมื่อไหร่หนอ สัตว์โลกจักเห็นและล่วงภัย!

//-------------------------------------------------//